วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Converse and Converse

 Converse Jack Purcell


รุ่นนี้คือ Converse Jack Purcell OX Patent Leather Black
ซึ่งตอนแรกผมก็เข้าใจผิดว่าเป็นรุ่น Low profile เพราะพื้นไม่หนาเหมือน JP ทั่วไป


Converse Jack Purcell Specialty Ox ‘D-Ring’
ต่อไปเป็นรุ่นที่ใช้ตัวย่อ CP จากที่ได้ไปค้นขว้ามาล่าสุด
คิดว่าน่าจะย่อมาจากคำว่า The Canadian Badminton Champ
เพื่อเป็นเกียรติแก่ Jack Purcell แชมป์แบตมินตันผู้ให้กำเนิดรองเท้ารุ่นนี้นี่เอง



CONVERSE one star


       Converse One Star ผลิตครั้งแรกในปี 1974 ผลิตออกมาโดยใช้การแยกวัสดุออกเป็น 3 ชนิด คือ หนังกลับหยาบๆ (wool), ผ้าใบ (canvas) และ หนังเทียม (leather)
soft พื้นในยุคแรกจะเป็น “ป้ายกรอบสีน้ำเงิน พร้อมคำว่า Converse Made in USA สีดำ”ป้ายส้นเท้า (heel) จะเป็น “ป้ายดำ (เหมือน Chuck Taylor)”



















วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558







ในเดือน กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1908 Marquise Mills Converse ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 46ปี ย่าง 47 ปี ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตรองเท้าชื่อว่า Converse Rubber Shoe Company ขึ้นที่ Malden, Massachusetts สหรัฐอเมริกา และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานรองเท้าที่ชื่อของเขาได้ถูกจารึกไว้มาตลอดจนถึงปัจจุบันที่ทุกคนรู้จักและคุ้นตากันเป็นอย่างดีในสัญลักษณ์รูปดาว 5 แฉก
Marquise Mills Converse เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1861 ที่ Lyme, New Hampshire สหรัฐอเมริกา เมื่อก่อตั้งบริษัท Converse Rubber Shoe แล้วก็ได้ผลิตรองเท้ายางออกมา โดยปี ค.ศ. 1910 ได้ผลิตรองเท้าวันละกว่า 4000 คู่ จนในปี ค.ศ. 1915 บริษัทได้เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาขึ้นมาเป็นครั้งแรกคือรองเท้าเทนนิสแต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยม จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Converse เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1917 เมื่อ Converse ได้ออกรองเท้ากีฬาตัวใหม่ซึ่งเป็นรองเท้าบาสเก็ตบอลที่มีชื่อว่า  Converse All-Star จนในปีค.ศ. 1921 นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง Charles H. “Chuck” Taylor ที่หลงใหลในรองเท้า Converse All-Star ได้เข้ามาร่วมงานกับรองเท้า Converse โดยเป็น brand ambassador ให้กับ  Converse เมื่อ Chuck ไปแข่งบาสที่ไหนเขาจะนำรองเท้าไปโปรโมทด้วย ทำให้รองเท้า Converse All-Star ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและเป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่นักกีฬาบาสเก็ตบอลและวัยรุ่นในยุคนั้น ในปี ค.ศ. 1932 Converse ได้มอบรางวัลชิ้นพิเศษเพื่อเป็นเกียรติให้กับ  Chuck โดยเพิ่มรุ่นที่มีลายเซ็นของ Chuck ใน Converse All-Star classic high-topped และยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ Charles H. “Chuck” Taylor ทำงานให้กับ Converse มาโดยตลอดจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1969 



ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1980-1990 เริ่มมีการหลั่งไหลเข้ามาของแบรนด์คู่แข่งไม่ว่าจะเป็น Puma, AdidasNike หรือแม้กระทั่ง Reebok ซึ่งแบรนด์ต่างๆเหล่านี้มาพร้อมกับรองเท้าที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยยิ่งกว่า ทำให้รองเท้า Converse ถูกช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดไปอย่างมาก แม้กระทั่งวงการบาสเก็ตบอลที่ Converse เป็นเจ้าตลาดมาโดยตลอดก็ถูกช่วงชิงไปด้วยเช่นกัน Converse ได้ทำการผลิตรองเท้ารุ่นใหม่ออกมาโดยออกแบบโลโก้ใหม่ขึ้นซึ่งก็คือโลโก้ที่มีลักษณะเป็นบั้งติดดาว แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับรุ่น classic Chuck Taylors 





ถึงแม้ว่ารองเท้า Converse ที่ผลิตขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาจะไม่มีการผลิตออกมาอีกแล้วแต่ก็ยังมีรุ่นที่ตกค้างอยู่ในสายการผลิตและถูกนำออกมาจำหน่ายมากมายหลายล้านคู่ทั่วโลก และด้วยเอกลักษณ์พิเศษของรองเท้า Converse made in USA ที่เชื่อกันว่ามีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นกว่าและมีความคงทนกว่ารองเท้าที่ผลิตขึ้นจากที่อื่นๆ จึงส่งผลให้ผู้คนที่ชื่นชอบหลงใหลในรองเท้า Converse ล้วนแต่ต้องการเป็นเจ้าของและเสาะหารองเท้า Converse made in USA กันอย่างต่อเนื่องทำให้รองเท้า Converse made in USA มีราคาสูงขึ้นตามอีกด้วย